สัญญาณความเสี่ยงภายใต้ปัจจัยเชิงลบเศรษฐกิจไทย…ทางออกของธุรกิจ – แรงงานอยู่ตรงไหน
บทความวิชาการ : สัญญาณความเสี่ยงภายใต้ปัจจัยเชิงลบเศรษฐกิจไทย…ทางออกของธุรกิจ – แรงงานอยู่ตรงไหน โดย ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย วันที่ 29 ตุลาคม 2568 บริบทเศรษฐกิจไทยซึ่งเหลือเวลาแค่สองเดือนจะหมดปีที่ผ่านมาเผชิญกับปัจจัยเชิงลบประดังเข้ามารอบด้าน ต้นปีจ่อถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าขาดดุลการค้าหรือ “Reciprocal Trade” ช่วงแรกไทยถูกเรียกเก็บอัตราร้อยละ 36 ต่อมาภายหลังเจรจาเหลือร้อยละ 19 กลางปีปัญหาขัดแย้งกับประเทศกัมพูชามีการปะทะเป็นสงครามย่อยกระทบส่งออกผ่านชายแดนมูลค่าปีละมากกว่า 1.428 แสนล้านบาท ตามด้วยวิกฤตการเมืองศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งได้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเข้ามาแบบเฉพาะกิจเพื่อแก้รัฐธรรมนูญโดยมีเงื่อนไขต้องยุบสภาภายในเดือนมกราคมปีหน้ากว่าจะเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่อยู่ในช่วงเดือนเมษายน สภาวะดังกล่าวอาจทำให้เกิดช่วงสุญญากาศทางการเมืองมีผลต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมามีแต่ทรงกับทรุด สะท้อนจากการบริโภคกำลังซื้อประชาชนที่อ่อนแอส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ลดลงและกับดักหนี้ครัวเรือน อีกทั้งภาคท่องเที่ยวต่างชาติไม่ฟื้นตัวนับแต่วิกฤตโควิด-19 สถานะที่เป็นอยู่คือการขาดสภาพคล่องทั้งภาคธุรกิจและประชาชนทำให้หนี้เสียและหนี้เปราะบางสูงขึ้นทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อกระทบเป็นลูกโซ่ รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ใช้เงินจำนวน 8.4 หมื่นล้านบาท มีผู้เข้าถึงประมาณ 20 ล้านคนแต่ด้วยเงินไม่มากจำกัดใช้วันละไม่เกิน 200 บาทแค่สิบวันหรือไม่เกินสิบสองวันเงินก็หมดแล้วคงช่วยดึงเศรษฐกิจได้บ้างดีกว่าไม่ทำอะไร สภาวะที่ไม่เอื้อเช่นนี้มีการปรับลด GDP ปีนี้อาจขยายตัวได้ร้อยละ 2.0 – 2.2 ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ร้อยละ 2.5 และปีหน้าจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่มีความเปราะบางและไม่แน่นอนสูงเศรษฐกิจอาจขยายตัวได้ร้อยละ 1.6 – 1.8 ต่ำสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก…











